ทุกๆ สภาพแวดล้องของการทำงานที่ดี ย่อมควรประกอบด้วยหลายๆ สิ่ง ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนร่วมงาน-หัวหน้า ที่ดีและสนุก, งานที่ดีและเหมาะสม, การให้เวลากับงานนั้นๆ ที่พอดีและเหมาะสม, การบริหารงานที่ลงตัวและราบลื่น, และความประทับใจ+สันติสุขในการทำงานนั้นๆ หากปราศจากสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็เป็นการยากที่จะสนุกหรือ enjoy ไปกับมัน ซึ่งผมเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้แหละที่สร้างสิ่งที่เรียกว่า "บรรยากาศ" ของการทำงานนั้นๆ ออกมา ซึ่งจะว่าไปแล้ว จะมีสักกี่งาน, สักกี่โปรเจค ที่เราจะสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า "นี่เป็นงานที่มีบรรยากาศการทำงานที่ดีที่สุด" ที่ประกอบไปด้วยสิ่งต่างๆ เหล่านั้นที่เราร่ายมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากนะ แต่สำหรับผมแล้ว ผมเคยมีประสบการณ์ในงานแบบนั้นนะ
เมื่อปี 2018 บริษัท Big-C กำลังจะมีการฉลองครบรอบ 25 ปี ซึ่งเขาได้มีโครงการให้ผู้ที่สนใจร่วมส่งผลงานหนังสั้นเข้าประกวด ชิงเงินรางวัลชนะเลิศจำนวน 1,000,000 บาท ด้วยตัวเลขที่ชวนน่าตาโตนี้ ต่างเรียกผู้ผลิตสายภาพยนตร์และโฆษณามากมายจากทั่วประเทศ และเช่นเดียวกันที่ผมและ Jason ต่างต้องการส่งร่วมประกวดในโครงการนี้ด้วย ไม่ใช่เพียงแค่เพราะจำนวนเงินที่น่าดึงดูดด้วย แต่เพราะด้วยจำนวนรางวัลเงินที่ไม่ควรปฏิเสธ (ฮ่ะๆ) แต่จริงๆ แล้ว ในช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่ทางผมและเจสันได้มีเวลาและโอกาสในการร่วมมือกันสร้างผลงานหนังสั้นออกมา ดังนั้นเราจึงมองว่าแทนที่จะทำหนังเล่นๆ ฟรีๆ และไม่รู้จะเอาไปไหนต่อ ทำไมเราไม่ลองทำหนังสั้นเพื่อส่งประกวด เพื่อจะได้เป็นการฝึกฝีมือ, เพื่อได้รางวัลหากชนะ, เพื่อได้ประสบการณ์การทำงานโดยมีโจทย์ที่แตกต่างกันออกไป, เพื่อเผื่อได้ connection จากเพื่อนๆ ทีมอื่นๆ หรือจากตัวโครงการเอง ซึ่งเมื่อเราได้คุยกันแล้ว เราก็ได้ข้อสรุปที่จะเริ่มต้นสำหรับโครงการประกวดนี้
การคิดโครงเรื่องโดยที่เราพยายามหนีห่างออกมาจากการนำเสนอแบบโฆษณาตรงตัว ทำให้เราต้องใช้เวลามากพอควรในการคิดหาวิธีใหม่ในการเล่าเรื่องให้สอดคล้องกับหัวข้อและจุดประสงค์ของโครงการ และให้มีความเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดเช่นกัน จนสุดท้ายเจสันก็ได้คิดโครงเรื่องออกมาและผมก็ได้ช่วยต่อเติมและลงรายละเอียดของบททั้งหมดให้ออกมาอย่างสำเร็จ แล้วก็เข้าสู่กระบวนการคัดเลือกนักแสดง ซึ่งจริงๆ เราก็หานักแสดงจากที่เรารู้จักและเคยทำงานร่วมงานมาด้วยกัน จึงเป็นการง่ายที่เราจะวางตัวละครต่างๆ ตามนักแสดงที่เรามี และก็เข้าสู่กระบวนการหาสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งเราใช้เวลาประมาณ 2 วันในการหาสถานที่ต่างๆ ที่สามารถขออนุญาติในการถ่ายทำได้ แล้วหลังจากนั้น กระบวนการถ่ายทำก็เริ่มขึ้น ภายใต้ชื่อโปรเจค "Descendants"
(*ณ ตอนนั้นยังคิดชื่อไม่ออก และไม่อยากบอกใคร(ว่าคิดชื่อไม่ออก 55) เลยใช้ชื่อนามแฝงนี้ไปก่อน)
เนื่องจากโครงเรื่องนี้ ที่มีหลายเส้นเรื่องในการเดินเรื่อง เราเลยจำเป็นต้องวางแผนอย่างดีในการถ่ายทำในแต่ละส่วน ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน นั่นคือในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งเราต้องใช้นักแสดงที่แตกต่างกันออกไป และสถานที่ที่แตกต่างออกไปด้วย ซึ่งทุกๆ การถ่ายทำก็เป็นไปได้ด้วยดีมาก และมีความสนุกด้วย อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้มีเงื่อนไขอะไรมากนักในเรื่องของเวลาและงบประมาณอะไรมาก เพราะทีมงานทุกๆ คนล้วนเข้ามาร่วมงานนี้ด้วยใจล้วนๆ เพื่อที่อยากจะสร้างผลงานดีๆ ด้วยกัน จนบางครั้งความรู้สึกก็เหมือนราวกับว่าเราทำหนังสั้นเล่นๆ กันอยู่ แม้ว่าบางทีเราจะถ่ายทำไม่เสร็จตามตารางที่วางไว้ แต่เราก็มีวิธีที่จะทำให้มันเสร็จนอกเวลาจนได้ มันเหมือนไหลไปตามน้ำเรื่อยๆ อย่างมีเป้าหมายและสนุกไปกับมัน บรรยากาศที่สนุกและมีเวลาให้กับมัน ทำให้ทุกๆ กระบวนการและทีมงานทั้งหมดต่างสัมผัสและรู้สึกได้ เพราะบางทีแล้วการทำงาน "ศิลปะ" ที่ดีและลุ่มลึกนั้น เราอาจต้องให้เวลากันมันและเทใจให้กับมันด้วย และนั่นคือความรู้สึกของอารมณ์ที่ผมและเจสันพยายามถ่ายทอดออกมาในการทำงานทั้งหมด มันคือประสบการณ์บรรยากาศที่ไหลลื่นและสบาย แม้ว่าตัวงานแต่ละฉากจะไม่ได้สบายขนาดนั้นก็ตาม แต่เมื่อใจของเราสงบและทีมงานสามารถวางใจในการคุมงานของเราได้ เราจึงสามารถมีความมั่นใจได้ว่า การทำงานในแต่ละส่วนนั้นจะเดินไปอย่างราบลื่นและมีทางออกเสมอหากเมื่อเจอปัญหา เพราะแผนการณืบางอย่างที่ไม่ได้ล็อคตายตัว กลับทำให้เราสามารถพลิกแพลงแผนการทำงานได้เสมอ และนั่นยิ่งทำให้ทีมงานทุกๆ คนสามารถมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะผ่านไปอย่างราบรื่น หรือจะเจอปัญหาที่ต้องพลิกแพลงอยู่เสมอ ทุกๆ อย่างล้วนจะยังคงอยู่ในการควบคุมที่ดีของเรา ฟังๆ ดูแล้วมันดูเหมือนกองถ่ายที่ล่องลอยไปตามลมอากาศที่จะพัดพาไปอย่างไม่มีทิศทาง แต่แท้จริงแล้วมันคือมีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนครับ เพราะสิ่งที่ผมอธิบายนั้นมันคือ "บรรยากาศ, อารมณ์ในการทำงาน" ที่ดูผ่อนคลายและสนุก แต่ในขณะเดียวกัน "ทิศทางและความเป็นมืออาชีพในการจัดการงาน"ของเรานั้น ยังคงมาตรฐานการทำงานจริงอยู่เสมอ, มีการวาง breakdown, มีการดูแลเสื้อผ้า-make up, มีการดูแลความปลอดภัยในฉากเสี่ยงและอันตราย และแผนกอาหารที่จัดการให้เราเป็นอย่างดี (อิ่มทุกๆ มื้อ และมีอีกเหลือเฟือ) ทุกๆ อย่างเดินไปได้ดีมากราวกับมือแห่งการอัศจรรย์เข้ามาแตะต้อง จนทุกๆ อย่างสำเร็จและเสร็จสิ้นในที่สุด
จนกระทั่งกระบวนการตัดต่อ, ทำ VFX, เสียง, เกรดสี และทุกๆ อย่างจนเสร็จ ผมล้วนเป็นผู้ควบคุมงานด้านการผลิตในส่วนนี้ และแน่นอนที่ผมให้และทุ่มเวลาให้กับมันอย่างเต็มที่ เพราะผมรู้และเข้าใจดีถึงสิ่งที่หลายๆ คนในทีมงานได้ใส่และเทใจให้ไปกับงานชิ้นนี้ อีกทั้งผมเห็นถึงศักยภาพที่สูงของผลงานชิ้นนี้อีกด้วย หลายๆ สิ่งรวมกันทำให้ผมต้องพิถีพิถันในผลงานชิ้นนี้มาก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วผลงานชิ้นนี้ก็เสร็จสำเร็จในที่สุด ภายในเวลาประมาณ 3 อาทิตย์ แล้วเราก็ทำการส่งเข้าโครงการประกวด
เมื่อผลประกาศที่ไม่น่าประทับใจนักออกมา ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะมีความผิดหวัง เพราะการได้ชมเชยนั้นหาใช่เป้าหมายของเราไม่ แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่ได้ขาดทุนแต่อย่างใด แต่กลับยังได้ประสบการณ์ที่น่าจดจำที่สุดในชีวิต และได้ผลงานสุดเจ๋งของเราเองเช่นกัน เพราะสิ่งที่เราได้เรียนรู้ไปด้วยกันอย่างสนุกนั้น คือสิ่งที่อยู่ในระหว่างทางเดิน หาใช่เพียงแค่เป้าหมายที่อยู่ปลายทางไม่
และผมเองก็ทำความเข้าใจและเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ในทุกๆ การแข่งขันย่อมมีผู้แพ้และผู้ชนะ และแม้ว่าเราจะพยายามเต็มที่สุดฝีมือ ก็ไม่ใช่ตัววัดผลชนะในท้ายที่สุดเส้นชัยไม่
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้และพยายามที่จะนำสิ่งนี้กลับมาสู่การทำงานของผมก็คือ "สร้างบรรยากาศที่ดี" ให้กับทีมงานทุกๆ คน แม้ว่าบางทีบางคนจะอารมณ์บูดและมีทัศนคติที่ไม่ตรงกับเรา...แต่มันก็ไม่เป็นไร เพราะเราคือผู้นำที่ต้องสร้างทิศทางให้กับทุกๆ คน และมีความรับผิดชอบในการทำงาน บวกกับสอนทีมงานในระหว่างทางเพื่อให้เขาเข้าใจและร่วมเดินไปกับเส้นทางอันสนุกนี้กับเรา แต่หากท้ายที่สุดแล้วเขาไม่เปิดใจหรือไม่เติบโตพอที่จะยอมรับโลกแห่งความเป็นจริงนี้ด้วยโลกทัศน์ของเขาเองที่แคบและปิด มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเดินร่วมไปกับเราในเส้นทางแห่งความสนุกนี้ แต่ถึงกระนั้นบทเรียนจากเรื่องนี้ทำให้ผมปลื้มใจในทุกๆ คนที่ร่วมลงแรง กาย และใจ เข้าไปในผลงานชิ้นนี้ และเพียงคำว่าขอบคุณก็อาจไม่พอ แต่นี่คือสิ่งที่ผมจริงใจสามารถมอบให้กับทุกๆ คนได้ นั่นคือเกียรติที่เราร่วมแบ่งปันและครองมันไปด้วยกันในงานชิ้นนี้ครับ...."ขอบคุณครับ"
Comments